จังหวัดขอนแก่น เป็นจังหวัดที่มีขนาดพื้นที่ใหญ่เป็นอันดับที่ 6 ของภาคตะวันออกเฉียงเหนือ และมีประชากรมากเป็นอันดับ 3 ของภาคตะวันออกเฉียงเหนือ เป็นจังหวัดศูนย์ปฏิบัติการของกลุ่มจังหวัดภาคตะวันออกเฉียงเหนือตอนกลาง
จังหวัดขอนแก่น
"ขอนแก่น" เปลี่ยนทางมาที่นี่ สำหรับความหมายอื่น ดูที่ ขอนแก่น (แก้ความกำกวม)
|
จังหวัดขอนแก่น เป็นจังหวัดที่มีขนาดพื้นที่ใหญ่เป็นอันดับที่ 6 ของภาคตะวันออกเฉียงเหนือ และมีประชากรมากเป็นอันดับ 3 ของภาคตะวันออกเฉียงเหนือ เป็นจังหวัดศูนย์ปฏิบัติการของกลุ่มจังหวัดภาคตะวันออกเฉียงเหนือตอนกลาง เมืองขอนแก่นตั้งอยู่ในจุดที่ถนนมิตรภาพ (ทางหลวงแผ่นดินหมายเลข 2) และทางหลวงแผ่นดินหมายเลข 12 (ถนนสายเศรษฐกิจตะวันออก-ตะวันตก) ตัดผ่าน ซึ่งเป็นเส้นทางสำคัญอีกเส้นหนึ่งในการเดินทางจากภาคตะวันออกเฉียงเหนือตอนกลางเข้าไปสู่ภาคเหนือตอนล่างที่อำเภอหล่มสัก จังหวัดเพชรบูรณ์ และเดินทางเข้าสู่ประเทศลาวทางด้านทิศใต้ของลาว อาณาเขตทางทิศเหนือติดกับจังหวัดเลย จังหวัดหนองบัวลำภู และจังหวัดอุดรธานี ทิศตะวันออกติดกับจังหวัดมหาสารคามและจังหวัดกาฬสินธุ์ ทิศใต้ติดกับจังหวัดบุรีรัมย์และจังหวัดนครราชสีมา ทิศตะวันตกติดกับจังหวัดชัยภูมิและจังหวัดเพชรบูรณ์
เนื้อหา
ประวัติ[แก้]
ที่มาของเมืองขอนแก่น[แก้]
ประวัติเมืองขอนแก่นนั้น มีความเกี่ยวข้องกับ เหตุการณ์สำคัญ นับตั้งแต่เกิดเหตุความวุ่นวาย ในราชอาณาจักรล้านช้าง และการสร้างบ้านแปงเมือง ในเขตตอนกลางภาคอีสาน โดยเดิม เป็นพื้นที่ส่วนหนึ่งของเมืองสุวรรณภูมิ ( เดิม เมืองท่งศรีภูมิ ) ที่สถาปนาในปี พ.ศ. 2256 โดย เจ้าแก้วมงคล ( พระบิดา ของ พระขัติยวงษา (ทนต์) เจ้าเมืองร้อยเอ็ดท่านแรก ) เป็น ผู้ครองเมืองพระองค์แรก ภายใต้การสถาปนาแต่งตั้ง ของ เจ้าสร้อยศรีสมุทรพุทธางกูร กษัตริย์แห่งราชอาณาจักรล้านช้างจำปาสัก และต่อมา เพียเมืองแพน ที่เป็นกรมการเมือง ของเจ้าเมืองสุวรรณภูมิ ในราวปี พ.ศ. 2331 ได้ขอแบ่งไพร่พล จำนวน 500 คน แยกออกมาตั้งเมือง โดยแรกเริ่มอยู่บริเวณ บึงบอน จากนั้น 9 ปี ต่อมา ในปี 2340 จึงได้รับการแต่งตั้งและสถาปนาเมืองเป็น เมืองขอนแก่น และ เพียเมืองแพน (ตำแหน่งของกรมการเมือง ในระบบอาญาสี่) เป็น "พระนครศรีบริรักษ์" แยกอาณาเขตตั้งแต่บ้านกู่ทอง หนองกองแก้ว ( ปัจจุบัน คือ เมืองชนบท ) จากเขตเมืองสุวรรณภูมิ ( ปัจจุบัน คือ อำเภอสุวรรณภูมิ จังหวัดร้อยเอ็ด ) มานับแต่สมัยนั้น
โดยเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นก่อนหน้า นับจากสมัยที่ สมเด็จพระเจ้าสุริยวงศาธรรมิกราช พระเจ้ามหาชีวิตแห่งพระนครจันทบุรีศรีสัตนาคนหุตเสด็จสวรรคตในพ.ศ. ๒๒๓๑ พระองค์มีพระราชโอรสที่ยังทรงพระเยาว์มากองค์หนึ่งพระนามว่า เจ้าองค์หล่อ พระชนม์ ๓ พรรษา พระยาแสนสุรินทรลือชัยไกรเสนาบดีศรีสรราชสงคราม (ท้าวมละ) ตำแหน่งพระยาเมืองแสนหรืออัครมหาเสนาบดีฝ่ายขวา จึงถือโอกาสแย่งเอาราชสมบัติจากพระราชกุมารที่ยังทรงพระเยาว์ เพื่อความชอบธรรมในการครองอำนาจพระยาเมืองแสนจึงหมายจะบังคับเอาเจ้านางสุมังคลราชเทวีพระมเหสีของสมเด็จพระเจ้าสุริยวงศาธรรมิกราช พระมารดาของเจ้าองค์หล่อและขณะนั้นพระนางก็ทรงพระครรภ์อยู่ด้วย มาเป็นมเหสีของตนเพื่อความชอบธรรมในราชบัลลังก์แต่พระนางไม่ยอม พระนางจึงขอความช่วยเหลือไปยังเจ้าราชครูหลวง วัดโพนเสม็ด ( ญาคูขี้หอม )
เจ้าราชครูหลวง วัดโพนเสม็ดจึงวางอุบายให้ให้ศิษย์นำเสด็จพระนางเสด็จหนีไปหลบซ้อนที่ภูฉะง้อหอคำ (อยู่ในแขวงบอลิคำไซ) และต่อมาพระนางได้ประสูติการพระราชโอรส เจ้าราชครูหลวงถวายพระนามว่า เจ้าหน่อกระษัตริย์ ส่วนเจ้าองค์หล่อนั้นขุนนางที่จงรักภัคดีพาหนีไปยังเมืองพานภูชน
พระยาเมืองแสน เห็นว่าเจ้าราชครูหลวงวัดโพนเสม็ดเป็นผู้ให้ความช่วยเหลือวางอุบายให้เจ้านางสุมังคลราชเทวีหลบหนีเป็นแน่ อีกทั้งเจ้าราชครูหลวงยังเป็นที่เคารพของราชวงศ์ล้านช้าง มีลูกศิษย์ที่เป็นเชื้อพระวงศ์และเป็นขุนนางในราชสำนักเป็นจำนวนมาก รวมถึงราษฎรล้านช้างก็ให้ความเคารพเชื่อฟังนับถือมาก ต่อไปในภายหน้าเจ้าราชครูหลวงวัดโพนเสม็ดคงจะวางอุบายชิงเอาบ้านเมืองกลับไปถวายเชื้อพระวงศ์ล้านช้างองค์ใดองค์หนึ่งอย่างแน่นอน จึงวางอุบายจะกำจัดเจ้าราชครูหลวงวัดโพนเสม็ด
เจ้าราชครูหลวงเองก็รู้ตัวอยู่แล้วว่าพระยาเมืองแสนหาทางจะกำจัดตน เจ้าราชครูหลวงจึงวางอุบายหนีด้วยการไปบูรณพระธาตุพนม ให้เจ้าแก้วมงคลแล้วและลูกศิษย์รวบรวมกำลังคนนัดแนะกันหนีออกจากพระนครจันทบุรีไปยังนครพนม ให้เจ้าจันทรสุริยวงศ์ไปอารักขาเจ้านางสุมังคลาราชเทวีและเจ้าหน่อกษัตริย์มายังบ้านงิ้วพันลำสมสนุก
เจ้าราชครูหลวงได้บูรณพระธาตุพนมอยู่สามปีจึงเสร็จ แล้วก็พาคณะศิษย์เดินทางลงทิศใต้เพื่อที่จะหาสถานที่ตั้งบ้านเมือง ระหว่างทางมีชาวบ้านขอติดตามไปด้วยเป็นจำนวนมาก จนกระทั่งได้เดินทางล้ำเข้าไปในดินแดนกรุงกัมพูชา พระเจ้ากรุงกัมพูชาจึงเรียกเก็บส่วย เจ้าราชครูจึงได้พาคณะเดินทางกลับขึ้นมาตามลำน้ำโขงจนถึงเมืองหนึ่งนามว่า นครกาละจำปากนาคบุรีศรี ซึ่งมีเจ้าผู้ครองนครเป็นผู้หญิงที่ทรงพระชราภาพมากแล้ว เจ้าราชครูหลวงจึงขอเข้าพักในเขตนครกาละจำปากนาคบุรีศรี
เจ้านางผู้ครองนครกาละจำปากนาคบุรีศรีซึ่งทรงชราภาพมากไม่สามารถบริหารบ้านเมืองได้และพระองค์ก็ทรงศรัทธาเจ้าราชครูหลวงเป็นอย่างมาก จึงทรงมอบพระราชอำนาจให้เจ้าราชครูหลวงเป็นผู้สำเร็จราชการทุกอย่างในพระนคร
พ.ศ. ๒๒๕๒ เจ้าราชครูหลวงจึงให้เจ้าแก้วมงคลนำกำลังขึ้นไปบ้านงิ้วพันลำสมสนุก เพื่อช่วย เจ้าจันทรสุริยวงศ์เชิญเสด็จเจ้าหน่อกระษัตริย์และพระมารดามายังนครกาละจำบากนาคบุรีศรี ต่อมาเกิดความวุ้นวายขึ้นในพระนครกาละจำปากนาคบุรีศรี แต่สามารถปราบได้อย่างรวดเร็ว
พ.ศ. ๒๒๕๖ เจ้าราชครูหลวง จึงจัดพระราชพิธีราชาภิเสกเจ้าหน่อกระษัตริย์ ขึ้นเป็นพระเจ้ามหาชีวิต ถวายพระนามว่า สมเด็จพระเจ้าสร้อยศรีสมุทรพุทธางกูร ครองราชย์สมบัติเป็นเอกราช เปลี่ยนนามนครใหม่ ว่า นครจำปาสักนัคบุรีศรี (อาณาจักรล้านช้างจำปาศักดิ์) จัดการบ้านเมืองตามโบราณราชประเพณีล้านช้างทุกประการ
และมีพระราชโอการให้ เจ้าแก้วมงคล โอรสของเจ้าองค์ศรีวิชัย, พระนัดดาของเจ้ามหาอุปราชศรีวรมงคล, พระราชปนัดดาของสมเด็จพระเจ้าศรีวรวงษาธิราช (เจ้ามหาอุปราชศรีวรวงษา หรือสยามออกพระนามว่า พระมหาอุปราชวรวังโส) นำกำลังในสังกัดข้ามแม่น้ำโขงมาตั้งเมืองขึ้นบนบริเวณที่ราบริมฝังแม่น้ำ (แม่น้ำเสียว) ซึ่งเป็นแหล่งเกลือและนาข้าวที่อุดมสมบูรณ์ ให้ชื่อว่า เมืองทุ่งศรีภูมิ มีพระราชโองการให้ เจ้าแก้วมงคล เป็นเจ้าผู้ครองเมืองทุ่งศรีภูมิ (องค์ที่ ๑) ให้เจ้ามืดดำโดนเป็นอุปราช มีการจัดการบริหารบ้านเมืองเช่นเดียวกับนครจำปาสักนัคบุรีศรี
พ.ศ. ๒๒๖๘ เจ้าแก้วมงคล สิ้นพระชนม์ เมื่อ ๘๔ พรรษา มีโอรส ๒ องค์ คือ เจ้ามือดำโดน, เจ้าสุทนต์มณี สมเด็จพระเจ้าสร้อยศรีสมุทรพุทธางกูรจึงมีพระราชโอการให้ เจ้ามืดดำโดนอุปราช ขึ้นเป็นเจ้าผู้ครองเมืองทุ่งศรีภูมิ (องค์ที่ ๒) ให้เจ้าสุทนต์มณีเป็นอุปฮาดเมืองทุ่งศรีภูมิ เจ้ามืดดำโดนได้ตั้งแต่งตำแหน่งเมืองแสน เมืองจันทร์ ท้าว เพีย เต็มอัตรากำลังเช่นเมืองหลวงทุกประการ
ต่อมาสมเด็จพระเจ้าสร้อยศรีสมุทรพุทธางกูรทรงพระประชวร จึงมีพระราชโอการให้เจ้ามหาอุปราชไชยกุมารเป็นผู้สำเร็จราชการ
พ.ศ. ๒๒๘๐ สมเด็จพระเจ้าสร้อยศรีสมุทรพุทธางกูรเสด็จสวรรคต พระชนม์ได้ ๕๐ พรรษา ครองราชย์สมบัติได้ ๒๕ ปี เจ้ามหาอุปราชไชยกุมาร จึงขึ้นเสวยราชสมบัติ ทรงพระนามว่า สมเด็จพระพุทธเจ้าองค์หลวง และมีพระราชโองการให้เจ้าธรรมเทโวผู้เป็นพระราชอนุชาเป็นเจ้ามหาอุปราช พ.ศ. ๒๓๐๖ เจ้าผู้ครองเมืองทุ่งศรีภูมิ (เจ้ามืดดำโดน) สิ้นพระชนม์ มีโอรส ๒ องค์ คือ เจ้าเชียง เจ้าสูน สมเด็จพระพุทธเจ้าองค์หลวง พระเจ้ามหาชีวิตจึงมีพระราชโองการให้เจ้าสุทนต์มณีอุปราชขึ้นเป็นเจ้าผู้ครองเมืองทุ่งศรีภูมิ (องค์ที่ ๓) เจ้าเชียงและเจ้าสูนโอรสเจ้ามืดดำโดนเจ้าผู้ครองเมืององค์ก่อนไม่พอใจ จึงสมคบกับขุนนางส่วนหนึ่งหนีไปพึ่งขุนหลวงเอกทัศน์แห่งกรุงศรีอยุธยา
พ.ศ. ๒๓๐๘ เจ้าเชียงและเจ้าสูนเมื่อไปถึงอยุธยาแล้วจึงของกองทัพเพื่อจะขึ้นมาตีเมืองทุ่งศรีภูมิ หากตีเมืองได้ เจ้าเชียงจะขึ้นเป็นเจ้าผู้ครองเมืองและจะขอเป็นเมืองประเทศราชส่งเครื่องบรรณาการแก่อยุธยา แต่ระหว่างนั้นอยุธยากำลังถูกกองทัพพระเจ้ามังระแห่งย่างกุ้งรุกรานไม่สามารถส่งกองทัพขึ้นมาได้ ทางอยุธยาจึงสั่งรวบรวมกำลังหัวเมืองขึ้นของอยุธยาที่อยู่ใกล้เข้าตีเมืองทุ่งศรีภูมิจนแตก ประกอบกับช่วงนั้นทางนครจำปาสักนัคบุรีศรีเกิดความวุ่นวายสมเด็จพระเจ้ามหาชีวิตพระพุทธเจ้าองค์หลวงทรงอ่อนแอไม่สามารถส่งกองทัพมาช่วยได้ เจ้าสุทนต์มณีจึงทิ้งเมืองหนี เจ้าเชียงจึงขึ้นเป็นเจ้าผู้ครองเมือง (องค์ที่ ๔) และให้เจ้าสูนเป็นอุปราช เมืองทุ่งศรีภูมิจึงตกเป็นเมืองประเทศราชของกรุงศรีอยุธยา
พ.ศ. ๒๓๑๐ กองทัพพระเจ้ามังระก็ตีกรุงศรีอยุธยาแตกเป็นเหตุให้อาณาจักรอยุธยาล่มสลาย แต่ไม่นานในปลายปีเดียวกันพระยาตากขุนนางของกรุงศรีอยุธยาก็รวบรวมกองทัพขับไล่กองกำลังของพระเจ้ามังระที่ประจำอยู่ในอยุธยาแตกหนีกลับไปได้ และพระยาตากก็สถาปนาราชวงศ์ใหม่และย้ายเมืองหลวงมายังกรุงธนบุรี
พ.ศ. ๒๓๑๙ พระเจ้ากรุงธนบุรีได้ส่งกองทัพขึ้นมารวบรวมหัวเมืองที่เคยเป็นเมืองประเทศราชของกรุงศรีอยุธยาให้กลับไปเป็นเมืองประเทศราชส่งบรรณาการให้กับกรุงธนบุรี กองทัพกรุงธนบุรีมาถึงเมืองทุ่งศรีภูมิเจ้าผู้ครองเมืองทุ่งศรีภูมิ (เจ้าเซียง) จึงออกไปอ่อนน้อมขอส่งเครื่องบรรณาการให้กรุงธนบุรีเช่นเดียวกลับที่เคยส่งให้กรุงศรีอยุธยา เมื่องกองทัพกรุงธนบุรีเข้าเมืองแล้ว เจ้าผู้ครองเมืองทุ่งศรีภูมิ (เจ้าเซียง) เห็นว่าเมืองท่งศรีภูมินั้นตั้งอยู่ใกล้แม่น้ำเสียวถึงฤดูฝนน้ำก็ท่วม จึงปรึกษากับแม่ทัพกรุงธนบุรีเพื่อขอพระราชโองการย้ายเมืองไปยังดงเท้าสาร ซึ่งห่างจากตัวเมืองเดิมประมาณ ๑๐๐ เส้น พระเจ้ากรุงธนบุรีจึงโปรดให้ย้ายเมืองตามที่ขอ และพระราชทานนามเมืองใหม่ว่า เมืองสุวรรณภูมิประเทศราช
ประวัติศาสตร์ พื้นที่ส่วนนี้ยังเป็นหมู่บ้านเล็ก ๆ กระจัดกระจายกันตามพื้นที่ราบสูง ในปี พ.ศ. ๒๓๒๒ ขณะนั้นเมืองเวียงจันทน์ได้เกิดเหตุพิพาทกับกลุ่มของเจ้าพระวอจนถึงกับยกทัพไปตีค่ายของเจ้าพระวอแตกที่บ้านดอนมดแดง (อุบลราชธานีปัจจุบัน) และจับเจ้าพระวอประหารชีวิต สมเด็จพระเจ้ากรุงธนบุรีทรงถือว่าฝ่ายเจ้าพระวอเป็นข้าขอบขัณฑสีมาของไทยจึงทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ ให้เจ้าพระยามหากษัตริย์ศึกกับเจ้าพระยาสุรสีห์ยกทัพขึ้นไปตีเวียงจันทน์ จากนั้นจึงได้ยกทัพกลับมายังกรุงเทพมหานคร พร้อมกับได้อัญเชิญพระแก้วมรกต พระพุทธปฏิมากร และพระบางกลับมาถวายแต่สมเด็จพระเจ้ากรุงธนบุรีด้วย
เมืองแพน (หรือเพี้ยเมืองแพน) ซึ่งเป็นโอรสของเจ้าแสนปัจจุทุม (ท้าวแสนแก้วบุฮม) ได้ยกกองทัพจากบ้านเพี้ยปู่ เขตแขวงเมืองทุละคม (ธุระคม) ได้ติดตาม กลุ่มเจ้าแก้วมงคล (ประสูติ ปี พ.ศ. 2184 พิราลัย พ.ศ. 2268 ) และ พระครูโพนเสม็ก และต่อมา เจ้าแก้วมงคล ได้เป็น ผู้ครองเมืองท่งศรีภูมิ (อำเภอสุวรรณภูมิ จังหวัดร้อยเอ็ด) ระหว่างปี พ.ศ. 2256 - พ.ศ. 2268
โดยในช่วงที่ พระรัตนวงษา (อ่อน) เป็นบุตร ของพระขัติยวงษาทนต์ และเป็นหลานของ เจ้าแก้วมงคล ได้ครองเมืองสุวรรณภูมิ แล้ว ได้ขอพระราชทาน แต่งตั้ง ท้าวโอ๊ะ (บุตร พระรัตนวงษาเซียง) ที่ดำรงตำแหน่ง ราชบุตร เดิมนั้น ขึ้นดำรงตำแหน่ง เป็น "อุปฮาด" ต่อมา ราว พ.ศ. 2331 เพี้ยเมืองแพน ซึ่ง เป็นหนึ่ง ในตำแหน่งกรมการเมืองสุวรรณภูมิ ได้ขอ พระรัตนวงษา (อ่อน) เจ้าเมืองสุวรรณภูมิ พาราษฎรและไพร่พลประมาณ 330 คน ขอแยกตัวออกจากเมืองสุวรรณภูมิไปตั้งบ้านเรือนอยู่ที่ฝั่งบึงบอน ยกขึ้นเป็นเมืองที่บ้านดอนพยอมเมืองเพี้ย (ปัจจุบันคือ บ้านเมืองเพีย ตำบลเมืองเพีย อำเภอบ้านไผ่) เพียเมืองแพน (ภายหลังได้รับการสถาปนา เป็น พระยานครศรีบริรักษ์) ได้ขออพยพเข้ามาตั้งบ้านเรือนอยู่ในบ้านชีโหล่น คุมไพร่พลคนละ 500 คน แยกออกมาจาก "เมืองท่ง" หรือ "เมืองสุวรรณภูมิ" และให้ขึ้นตรงต่อเมืองสุวรรณภูมิ ครั้นต่อมาอีกราว 9 ปี ในปี พ.ศ. 2340 เพี้ยเมืองแพนก็ได้พาราษฎรและไพร่พล ย้ายมาตั้งเมืองใหม่ ที่บริเวณ เมืองเก่า ริมบึงแก่นนคร ในปัจจุบัน และได้รับพระบรมราชานุญาต ตั้งเป็นเมือง ขอนแก่น และ สถาปนายศ เจ้าเมือง "เพียเมืองแพน" เป็น "พระนครศรีบริรักษ์" เจ้าเมืองขอนแก่น ท่านแรก ในปี พ.ศ. 2340 โดยในปีเดียวกันนั้น เจ้าเมืองสุวรรณภูมิ พระรัตนวงษา (อ่อน) เป็นบุตร ของพระขัติยวงษาทนต์ ได้ครองเมืองสุวรรณภูมิ แล้ว ได้ขอพระราชทาน แต่งตั้ง ท้าวโอ๊ะ (บุตร พระรัตนวงษาเซียง) ที่ดำรงตำแหน่ง ราชบุตร เดิมนั้น ขึ้นดำรงตำแหน่ง เป็น "อุปฮาด" ต่อมา และ มีใบบอกไปยังกรุงเทพมหานคร ว่า เพียเมืองแพน ได้ขอแบ่งไพร่พล และตั้งเป็นเมืองขอนแก่น นับแต่นั้น โดยแบ่งพื้นที่ตั้งแต่ บ้านกู่ทอง หนองกองแก้ว ขึ้นเป็นเมืองขอนแก่น
บึงบอนหรือดอนพยอมในปัจจุบันได้ตื้นเขินเป็นที่นาไปหมดแล้ว แต่ก็ยังปรากฏเป็นรูปของบึงซึ่งมีต้นบอนขึ้นอยู่มากมาย ต่อมาก็ได้รับพระกรุณาโปรดเกล้าฯ ให้เมืองแพนเป็นพระนครศรีบริรักษ์ เจ้าเมืองขอนแก่น ดังปรากฏข้อความในพงศาวดารหัวเมืองมณฑลอีสานของหม่อมอมรวงศ์วิจิตรว่า
เอกสารพงศาวดารอีสานฉบับพระยาขัติยวงศา (เหลา ณ ร้อยเอ็ด) ได้กล่าวถึงการตั้งเมืองขอนแก่นว่า
“...ได้ทราบข่าวว่าเมืองแพน บ้านชีโล่น แขวงเมืองสุวรรณภูมิ พาราษฎร ไพร่พลประมาณ 330 คน แยกจากเมืองสุวรรณภูมิไปขอตั้งฝั่งบึงบอนเป็นเมือง จึงทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ ให้เมืองแพนเป็นพระนครศรีบริรักษ์ ผู้ว่าราชการเมืองขอนแก่น...” ขอนแก่นจึงได้ที่มาว่าเป็นเมืองคู่กับมหาสารคามนั้นเอง
ส่วนเมืองบริวารอื่นๆ ที่มีส่วนเก่ยวข้องกับการแยกตัวออกมา จากเมืองสุวรรณภุมิ และภายหลังมีการตัง้เป็น เมือง ในเขตจังหวัดขอนแก่น หลังปี พ.ศ. 2340 นั้น ได้แก่ เมืองมัญจาคีรีหรืออำเภอมัญจาคีรี ปรากฏอยู่ในทำเนียบมณฑลอุดร กล่าวว่า เมื่อ พ.ศ. 2433 พระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัวโปรดเกล้าฯ ให้ตั้งเมืองขึ้นชื่อเมืองมัญจาคีรี โดยมีจางวางเอกพระยาพฤติคุณธนเชษ (สน สนธิสัมพันธ์) เป็นเจ้าเมืองคนแรกเมื่อ พ.ศ. 2433-2439 เจ้าเมืองคนที่ 2 คือ พระเกษตรวัฒนา (โส สนธิสัมพันธ์) เมื่อ พ.ศ. 2439-2443 และมีปรากฏประวัติเมืองมัญจาคีรีในหนังสือประวัติจังหวัดในประเทศไทย ในห้องสมุดของสถาบันบัณฑิตพัฒนบริหารศาสตร์ (นิด้า) บ้านสร้าง บ้านชีโหล่น (อยู่ในเขตเมืองสุวรรณภูมิ อำเภอสุวรรณภูมิ จังหวัดร้อยเอ็ดปัจจุบัน)
ในปัจจุบัน บางบ้านก็อยู่ในเขตอำเภอเมืองขอนแก่น บางบ้านก็อยู่ในเขตอำเภอน้ำพอง บางบ้านก็อยู่ในเขตอำเภออาจสามารถ (จังหวัดร้อยเอ็ด) บางบ้านก็อยู่ในเขตจังหวัดยโสธร บางบ้านก็อยู่ที่อำเภอมัญจาคีรี และบางบ้านก็อยู่ที่อำเภอคำเขื่อนแก้ว (จังหวัดยโสธร) เป็นต้น ทั้งนี้เป็นเพราะได้มีการเปลี่ยนแปลงเขตเมืองในสมัยหลัง ๆ ต่อมานั่นเอง
การย้ายถิ่นฐานเมือง[แก้]
ในปี พ.ศ. 2439 ในรัชสมัยพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัวได้เปลี่ยนการปกครองหัวเมืองไกลใหม่ โดยเปลี่ยนเป็นบริเวณหัวเมืองลาวฝ่ายเหนือ ให้เป็นหัวเมืองลาวพวน ดังนั้น เมืองขอนแก่นจึงอยู่ภายใต้การปกครองของเมืองอุดรธานี หรือมณฑลอุดรธานี โดยมีกรมหลวงประจักษ์ศิลปาคมเป็นผู้ปกครองมณฑล ในสมัยนั้นได้มีสายโทรเลข ที่เดินจากเมืองนครราชสีมา ผ่านเมืองชนบทเข้าเขตเมืองขอนแก่นข้ามลำน้ำชีที่ท่าหมากทัน ตรงไปท่าพระ บ้านทุ่ม โดยไม่เข้าเมืองขอนแก่น และตรงไปข้ามลำน้ำพองไปบ้านหมากแข้งเมืองอุดรธานี ศูนย์กลางมณฑลอุดร กรมหลวงประจักษ์ศิลปาคม (ผู้ปกครองมณฑลอุดรธานีในขณะนั้น) ซึ่งเป็นข้าหลวงใหญ่ประจำมณฑลอุดรธานีทรงดำริว่า ที่ว่าการเมืองขอนแก่นที่ตั้งอยู่ที่บ้านดอนบม ไม่สะดวกแก่ราชการ จึงทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ ย้ายเมืองขอนแก่นไปตั้งอยู่ที่บ้านทุ่ม (อำเภอเมืองขอนแก่นในปัจจุบัน) ในปลาย พ.ศ. 2439 และเปลี่ยนนามตำแหน่งเจ้าเมืองเป็นผู้ว่าราชการเมือง และตั้งชื่อเมืองว่า "ขอนแก่น" จนถึงปัจจุบัน
ในปี พ.ศ. 2440 ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ ให้พระราชทานบรรดาศักดิ์ท้าวหนูหล้าปลัดเมืองขอนแก่นเป็นพระพิทักษ์สารนิคม และในปี พ.ศ. 2441 ก็ได้ย้ายเมืองขอนแก่นจากบ้านทุ่มกลับไปตั้งอยู่ที่บ้านเมืองเก่าตามเดิม โดยตั้งศาลากลางขึ้นที่ริมบึงเมืองเก่าทางด้านเหนือ (หน้าสถานีโทรทัศน์ในปัจจุบัน) ด้วยเหตุผลที่ว่า บ้านทุ่มนั้นกันดารน้ำในฤดูแล้ง
ในปี พ.ศ. 2444 ทางราชการได้เกณฑ์แรงงานของราษฎรที่เคยหลงผิดไปเชื่อผีบุญ-ผีบาป ที่เขตแขวงเมืองอุบลราชธานีในตอนนั้น โดยให้พากันมาช่วยสร้างทำนบกั้นน้ำขึ้นเป็นถนนรอบบึงเมืองเก่า เพื่อกักน้ำไว้ใช้สอยในฤดูแล้ง เพราะบึงนี้เป็นแหล่งน้ำที่สำคัญของชาวเมืองขอนแก่น
ต่อมาในปี พ.ศ. 2447 พระนครบริรักษ์ (อุ นครศรี) เจ้าเมืองขอนแก่น ได้กราบถวายบังคมลาออกจากราชการ เหตุเพราะชราภาพ จึงทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ ให้เลื่อนตำแหน่งพระพิทักษ์สารนิคม (หนูหล้า สุนทรพิทักษ์) ปลัดเมืองขอนแก่นขึ้นเป็นเจ้าเมืองขอนแก่น และในปีนั้นเอง ก็ได้ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ เปลี่ยนนามตำแหน่งข้าหลวงประจำเมืองขอนแก่นเป็นข้าหลวงประจำบริเวณพาชี ส่วนเมืองต่าง ๆ ที่ขึ้นต่อนั้น ก็ให้เปลี่ยนเป็นอำเภอ และผู้เป็นเจ้าเมืองนั้น ๆ ก็ให้เปลี่ยนเป็นนายอำเภอ ตำแหน่งอุปฮาดก็เป็นปลัดอำเภอไป แต่ขึ้นตรงต่อเมืองอุดรธานี มณฑลอุดรธานีในขณะนั้น
ต่อมาในวันที่ 19 พฤษภาคม พ.ศ. 2459 ได้ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ ยกเลิกระบบมณฑลในประเทศ ให้เปลี่ยนคำว่าเมืองเป็นจังหวัดแทน ตำแหน่งผู้ว่าราชการเมืองจึงกลายเป็นผู้ว่าราชการจังหวัด และศาลาว่าการเมืองก็เปลี่ยนมาเป็นศาลากลางจังหวัด นับตั้งแต่บัดนั้นเป็นต้นมาขอนแก่นจึงได้กำเนิดเป็น "จังหวัดขอนแก่น"
ที่มาของชื่อขอนแก่น[แก้]
เหตุที่เมืองนี้มีนามว่า เมืองขอนแก่นนั้นได้มีตำนานแต่โบราณเล่าขานสืบต่อกันมาว่า ก่อนที่เพี้ยเมืองแพนจะอพยพไพร่พลมาตั้งบ้านตั้งเมืองขึ้นนั้น ปรากฏว่าบ้านขาม หรือตำบลบ้านขาม อำเภอน้ำพองปัจจุบัน ซึ่งเป็นเขตแขวงร่วมการปกครองกับบ้านชีโล้น มีตอมะขามขนาดใหญ่ที่ตายไปหลายปีแล้ว กลับมีใบงอกงามเกิดขึ้นใหม่อีก และหากผู้ใดไปกระทำมิดีมิร้ายหรือดูถูกดูหมิ่น ไม่ให้ความเคารพยำเกรง ก็จะมีอันเป็นไปในทันทีทันใด เป็นที่น่าประหลาดและมหัศจรรย์ยิ่งนัก
ดังนั้น บรรดาชาวบ้านชาวเมืองในแถบถิ่นนั้นจึงได้พร้อมใจกันก่อเจดีย์ครอบตอมะขามนั้นเอาไว้เสีย เพื่อให้เป็นที่สักการะของคนทั่วไป พร้อมกับได้บรรจุพระธรรมคำสอนของพระพุทธเจ้า 9 บทเข้าไว้ในเจดีย์ครอบตอมะขามนั้นด้วย ซึ่งเรียกว่า พระเจ้า 9 พระองค์ แต่เจดีย์ที่สร้างในครั้งแรกเป็นรูปปรางค์ หลังจากได้ทำการบูรณะใหม่เมื่อราว 50 ปีที่ผ่านมานี้ จึงได้เปลี่ยนเป็นรูปทรงเจดีย์ และมีนามว่า พระธาตุขามแก่น ปัจจุบันตั้งอยู่ในเขตวัดเจติยภูมิ บ้านขาม ตำบลบ้านขาม อำเภอน้ำพอง จังหวัดขอนแก่น พระเจดีย์ขามแก่นถือว่าเป็นปูชนียสถานอันศักดิ์สิทธิ์ของชาวจังหวัดขอนแก่น ซึ่งจะมีงานพิธีบวงสรวง เคารพสักการะกันในวันเพ็ญเดือน 6 ทุกปี
ส่วนทางด้านทิศตะวันตกของเจดีย์พระธาตุขามแก่นนั้น มีซากโบราณที่ปรักหักพังปรากฏอยู่ โดยอยู่ห่างจากเจดีย์ราว 15 เส้น หรืออยู่คนละฟากทุ่งของบ้านขาม ซึ่งแสดงให้เห็นว่าบริเวณแถบนี้น่าจะเป็นที่ตั้งของเมืองมาก่อน แต่ได้ร้างไปนาน ดังนั้น จึงได้ถือเอานิมิตนี้มาตั้งนามเมืองว่าขามแก่น แต่ต่อมาจึงเรียกเพี้ยนมาเป็นเมืองขอนแก่น จนกระทั่งทุกวันนี้
ภูมิศาสตร์[แก้]
ภูมิประเทศ[แก้]
จังหวัดขอนแก่นมีสภาพพื้นที่ลาดเอียงจากทิศตะวันตกไปทิศตะวันออกและทิศใต้ บริเวณที่สูงทางด้านตะวันตกมีสภาพพื้นที่เป็นเขาหินปูนตะปุ่มตะป่ำสลับกับพื้นที่เป็นลูกคลื่นลอนลาดเล็กน้อย มีระดับความสูงประมาณ 200-250 เมตรจากระดับน้ำทะเล มีภูเขารูปแอ่งหรือภูเวียงวางตัวอยู่ติดอำเภอภูเวียง บริเวณที่สูงตอนกลางและด้านเหนือมีสภาพพื้นที่เป็นเทือกเขา ได้แก่ ภูเก้า ภูเม็ง ภูพานคำ เป็นแนวขวางมาจากด้านเหนือ แล้ววกลงมาทางตะวันตกเฉียงใต้ ไหล่เขาด้านนอกมีความสูงและลาดชันมาก สูงประมาณ 300-660 เมตร ไหล่เขาด้านในมีความลาดชันน้อย มีระดับความสูงประมาณ 220-250 เมตร
บริเวณแอ่งโคราช ครอบคลุมพื้นที่ทางด้านใต้จังหวัด สภาพพื้นที่เป็นลูกคลื่นลอนลาดเล็กน้อย มีความสูงประมาณ 150-200 เมตร มีบางส่วนเป็นเนิน สูงประมาณ 170-250 เมตร และลาดต่ำไปทางราบลุ่มที่ขนานกับลำน้ำชี มีความสูงประมาณ 130-150 เมตร จากนั้น พื้นที่จะลาดชันไปทางตะวันออก มีลักษณะเป็นลูกคลื่นลอนลาดมีความสูงประมาณ 200-250 เมตร และค่อนข้างราบ มีความสูงประมาณ 170 -180 เมตร
อาณาเขตติดต่อ[แก้]
- ทิศเหนือ ติดต่อกับจังหวัดเลย จังหวัดหนองบัวลำภู และจังหวัดอุดรธานี
- ทิศตะวันออก ติดต่อกับจังหวัดกาฬสินธุ์และจังหวัดมหาสารคาม
- ทิศใต้ ติดต่อกับจังหวัดนครราชสีมาและจังหวัดบุรีรัมย์
- ทิศตะวันตก ติดต่อกับจังหวัดชัยภูมิและจังหวัดเพชรบูรณ์
ภูมิอากาศ[แก้]
สภาพภูมิอากาศของขอนแก่น โดยทั่วไปเป็นแบบทุ่งหญ้าในเขตร้อน คือ มีฝนตกสลับกับแห้งแล้ง ได้รับอิทธิพลจากลมมรสุมตะวันตกเฉียงใต้ และลมมรสุมตะวันออกเฉียงเหนือ โดยมีอุณหภูมิสูงสุดโดยเฉลี่ย 36.35 องศาเซลเซียส และมี 3 ฤดู คือ ฤดูร้อน เริ่มตั้งแต่เดือนกุมภาพันธ์ ถึงเดือนพฤษภาคม อากาศร้อนจัดในช่วงเดือนเมษายนของทุกปี ฤดูฝน เริ่มตั้งแต่เดือนพฤษภาคม ถึงเดือนตุลาคม โดยจะมีฝนตกชุกในช่วงเดือนสิงหาคมของทุกปี และฤดูหนาว เริ่มตั้งแต่เดือนตุลาคม ถึงเดือนกุมภาพันธ์ สภาพอากาศจะหนาวเย็น โดยทั่วไปจะหนาวจัดในช่วงเดือนธันวาคมจนถึงเดือนมกราคมของทุกปี อุณหภูมิต่ำสุดเฉลี่ย 15.4 องศาเซลเซียส
[ซ่อน]ข้อมูลภูมิอากาศของจังหวัดขอนแก่น (พ.ศ. 2504-2533) | |||||||||||||
---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|
เดือน | ม.ค. | ก.พ. | มี.ค. | เม.ย. | พ.ค. | มิ.ย. | ก.ค. | ส.ค. | ก.ย. | ต.ค. | พ.ย. | ธ.ค. | ทั้งปี |
อุณหภูมิสูงสุดเฉลี่ย °C (°F) | 30.3 (86.5) | 32.7 (90.9) | 35.2 (95.4) | 36.4 (97.5) | 34.5 (94.1) | 33.2 (91.8) | 32.7 (90.9) | 32.0 (89.6) | 31.6 (88.9) | 31.4 (88.5) | 30.7 (87.3) | 29.7 (85.5) | 32.53 (90.56) |
อุณหภูมิต่ำสุดเฉลี่ย °C (°F) | 16.2 (61.2) | 19.3 (66.7) | 22.3 (72.1) | 24.5 (76.1) | 24.8 (76.6) | 24.8 (76.6) | 24.4 (75.9) | 24.2 (75.6) | 23.7 (74.7) | 22.5 (72.5) | 19.6 (67.3) | 16.4 (61.5) | 21.89 (71.41) |
หยาดน้ำฟ้า มม (นิ้ว) | 2.1 (0.083) | 14.7 (0.579) | 38.0 (1.496) | 72.5 (2.854) | 172.2 (6.78) | 170.9 (6.728) | 165.2 (6.504) | 206.8 (8.142) | 239.4 (9.425) | 113.3 (4.461) | 15.1 (0.594) | 4.2 (0.165) | 1,214.4 (47.811) |
วันที่มีหยาดน้ำฟ้าโดยเฉลี่ย (≥ 0.1 mm) | 0.8 | 2.2 | 3.8 | 7.7 | 13.9 | 14.9 | 16.2 | 17.1 | 17.6 | 9.7 | 2.3 | 0.7 | 106.9 |
จำนวนชั่วโมงที่มีแดด | 280.5 | 245.4 | 252.6 | 250.8 | 238.8 | 179.0 | 182.2 | 163.3 | 171.6 | 232.8 | 255.1 | 267.5 | 2,719.6 |
แหล่งที่มา1: WMO | |||||||||||||
แหล่งที่มา 2: CMA |
อุทยาน[แก้]
- อุทยานแห่งชาติน้ำพอง ที่ทำการอุทยานฯตั้งอยู่ที่ตำบลบ้านผือ อำเภอหนองเรือ จังหวัดขอนแก่น (ขอนแก่น,ชัยภูมิ)
- อุทยานแห่งชาติภูเก้า-ภูพานคำ ที่ทำการอุทยานฯตั้งอยู่ที่บ้านท่าศิลา ตำบลบ้านค้อ อำเภอโนนสัง จังหวัดหนองบัวลำภู (หนองบัวลำภู,อุดรธานี,ขอนแก่น)
- อุทยานแห่งชาติภูผาม่าน ที่ทำการอุทยานฯตั้งอยู่ที่ตำบลนาหนองทุ่ม อำเภอชุมแพ จังหวัดขอนแก่น (ขอนแก่น,เลย)
- อุทยานแห่งชาติภูเวียง ที่ทำการอุทยานฯตั้งอยู่ที่ตำบลในเมือง อำเภอเวียงเก่า
- วนอุทยานน้ำตกบ๋าหลวง ที่ทำการวนอุทยานฯตั้งอยู่ที่ตำบลห้วยยาง อำเภอกระนวน
- วนอุทยานภูหันภูระงำ ที่ทำการวนอุทยานฯตั้งอยูที่ตำบลวังแสง อำเภอชนบท
สัญลักษณ์ประจำจังหวัด[แก้]
- คำขวัญประจำจังหวัด : พระธาตุขามแก่น เสียงแคนดอกคูน ศูนย์รวมผ้าไหม ร่วมใจผูกเสี่ยว เที่ยวขอนแก่นนครใหญ่ ไดโนเสาร์สิรินธรเน่ สุดเท่เหรียญทองแรกมวยโอลิมปิก
- ตราประจำจังหวัด : รูปพระธาตุตั้งอยู่บนตอมะขาม ขนาบสองข้างด้วยต้นไม้
- ต้นไม้ประจำจังหวัด : ต้นกัลปพฤกษ์ (Cassia bakeriana)
- ดอกไม้ประจำจังหวัด : ดอกราชพฤกษ์หรือดอกคูน (Cassia fistula)
- สัตว์น้ำประจำจังหวัด : ปลาพรมหรือปลาตาแดง (Osteochilus melanopleurus)
- วิสัยทัศน์จังหวัด : ขอนแก่นเมืองน่าอยู่ มุ่งสู่มหานครแห่งอาเซียน
- ลักษณะรูปร่างของจังหวัด : ลักษณะรูปร่างของจังหวัดขอนแก่นมีรูปร่างคล้ายกับไม้ตะขอที่ใช้คล้องช้าง
การเมืองการปกครอง[แก้]
การปกครองส่วนภูมิภาค[แก้]
- อำเภอเมืองขอนแก่น
- อำเภอบ้านฝาง
- อำเภอพระยืน
- อำเภอหนองเรือ
- อำเภอชุมแพ
- อำเภอสีชมพู
- อำเภอน้ำพอง
- อำเภออุบลรัตน์
- อำเภอกระนวน
- อำเภอบ้านไผ่
- อำเภอเปือยน้อย
- อำเภอพล
- อำเภอแวงใหญ่
- อำเภอแวงน้อย
- อำเภอหนองสองห้อง
- อำเภอภูเวียง
- อำเภอมัญจาคีรี
- อำเภอชนบท
- อำเภอเขาสวนกวาง
- อำเภอภูผาม่าน
- อำเภอซำสูง
- อำเภอโคกโพธิ์ไชย
- อำเภอหนองนาคำ
- อำเภอบ้านแฮด
- อำเภอโนนศิลา
- อำเภอเวียงเก่า
รายนามผู้ว่าราชการขอนแก่น[แก้]
|
|
เศรษฐกิจ[แก้]
จังหวัดขอนแก่นมีผลิตภัณฑ์มวลรวมในประเทศ หรือจีดีพี เป็นอันดับที่ 2 ของภาคอีสาน แต่มีรายได้เฉลี่ยต่อคนต่อปีมากที่สุดคือ 107,607 บาท
ภาคการเงินการธนาคาร จังหวัดขอนแก่นมีจำนวนสำนักงานของธนาคารทั้งสิ้น 102 สำนักงาน (พ.ศ. 2554) เงินรับฝากรวมทุกประเภท ทั้งสิ้น 68,000 ล้านบาท และเงินให้สินเชื่อรวมทุกประเภท (มี.ค.2557) ทั้งสิ้น 90,000 ล้านบาท
กรมธนารักษ์ประเมินราคาที่ดินระยะ 4 ปี โดยประกาศใช้ตั้งแต่1ม.ค. 2559-31ธ.ค.2562 พบว่าจังหวัดขอนแก่นมีราคาที่ดินเพิ่มขึ้นเฉลี่ย 28.53% ราคาสูงสุดไม่เปลี่ยนแปลงที่ 2 แสนบาทต่อตรว. โดยเป็นราคาที่ดินที่แพงที่สุดในภาคตะวันออกเฉียงเหนือ โดยย่านถนน ถนนศรีจันทร์ มีราคาสูงที่สุด เฉลี่ย 5,000-200,000 ต่อตารางวา ซึ่งทำให้เกิดอสังหาริมทรัพย์ประเภทคอนโดมีเนียมแบบ high rise ได้รับความนิยมเป็นอย่างมาก ดังจะเห็นได้จาก คอนโดมีเนียมความสูง 30 ชั้นขึ้นไปหลายแห่งภายในเขตเทศบาล
ย่านการค้าที่สำคัญ[แก้]
- ถนนศรีจันทร์ ย่านการค้าดั้งเดิมที่เป็นที่ตั้งของสถาบันการเงินต่างๆ รวมทั้งเป็นที่ตั้งของ ธนาคารแห่งประเทศไทย สำนักงานภาคตะวันออกเฉียงเหนือ โดยมีประตูเมืองขนาดใหญ่เป็นจุดเริ่มต้นของถนน โดยในช่วงเทศกาล สงกรานต์ ถนนเส้นนี้จะเปลี่ยนชื่อเป็น ถนนข้าวเหนียว เพื่อใช้ในการเล่นน้ำสงกรานต์อย่างยิ่งใหญ่ทุกปี
- ถนนกลางเมือง-ถนนหน้าเมือง ที่ตั้งของตลาดสดเทศบาล - ร้านรวง และโรงแรมยุคแรกๆ ของเมือง
- ถนนประชาสโมสร
- ถนนมิตรภาพ ย่านการค้าใหม่ ของจังหวัดขอนแก่น เป็นที่ตั้งของ เซ็นทรัลพลาซา ขอนแก่น ห้างสรรพสินค้าใหญ่ที่สุดของภาคตะวันออกเฉียงเหนือ โฮมโปร บิ๊กซี ซูเปอร์เซ็นเตอร์ เทสโก้ โลตัสสวนน้ำไดโนพาร์ค ประตูน้ำขอนแก่น CP Land และ ศูนย์ประชุมและแสดงสินค้า Khon Kaen Convention Exhibition Center (KICE) ศูนย์ประชุมขนาด 7,500 ตรารางเมตรแห่งใหม่ของประเทศไทย ซึ่งมีความจุสูงสุดมากกว่า 10,000 ที่นั่ง
อุตสาหกรรม[แก้]
การผลิตภาคอุตสาหกรรมมีอัตราการขยายตัวในอัตราที่สูงอย่างต่อเนื่อง และเพิ่มความสำคัญต่อเศรษฐกิจของจังหวัดมากขึ้นเป็นลำดับ ประเภทของอุตสาหกรรมได้เริ่มปรับเปลี่ยน จากอุตสาหกรรมเกษตร มาเป็นอุตสาหกรรมวิศวการ ทั้งนี้อุตสาหกรรมส่วนใหญ่เป็นอุตสาหกรรมที่เกี่ยวข้องกับวัตถุดิบทางการเกษตร เช่น โรงสีข้าว โรงงานมันเส้น โรงงานน้ำตาล และ โรงงานเยื่อกระดาษ ฯลฯ
อุตสาหกรรมที่สำคัญของจังหวัด 4 อันดับ ได้แก่
1. อุตสาหกรรมกระดาษและผลิตภัณฑ์จากกระดาษ เงินลงทุนรวม 14,795 ล้านบาท และในปี 2550 ยังมีการอนุญาตการประกอบกิจการโรงงานผลิตกระดาษของบริษัท ฟินิกซ พัลพ์ แอนด์ เพเพอร์ จำกัด (มหาชน) ด้วยเงินลงทุน 7,168 ล้านบาท ประกอบกิจการผลิตกระดาษพิมพ์เขียนชนิดไม่เคลือบผิว กำลังการผลิต 200,000 ตัน/ปี
2. อุตสาหกรมไฟฟ้า เงินลงทุนรวม 4,036 ล้านบาท เช่น การไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทย ผลิตไฟฟ้าจากพลังน้ำบริเวณเขื่อนอุบลรัตน์ในอำเภออุบลรัตน์ โรงไฟฟ้าน้ำพอง บริษัท โรงไฟฟ้าน้ำตาลขอนแก่น จำกัด บริษัท พานาโซนิค อิเล็กทริคเวิร์คส์ จำกัด บริษัท เอ็นเนอร์ยีซีสเท็มส์ จำกัด ผลิตชิ้นส่วนอิเล็กทรอนิกส์ เป็นต้น
3. อุตสาหกรรมอาหาร ด้วยเงินลงทุน 3,830 ล้านบาท อาทิเช่น อุตสาหกรรมที่เกี่ยวกับอาหารสัตว์ บริษัท ศรีวิโรจน์ฟาร์ม จำกัด บริษัท อุตสาหกรรมกระดูกสัตว์ จำกัด เป็นต้น อุตสาหกรรมเกี่ยวกับน้ำและน้ำแข็ง เช่น หจกโรงน้ำแข็งมิตรภาพ หจก.โรงน้ำแข็งหลอดศรีนวล อุตสาหกรรมน้ำตาลทราย เช่น บริษัท น้ำตาลขอนแก่น จำกัด บริษัท น้ำตาลมิตรภูเวียง จำกัด
4. อุตสาหกรรมเครื่องดื่ม เงินลงทุนรวม 3,037 ล้านบาท เช่น บริษัท ขอนแก่นบริวเวอรี่ จัด ผลิตโซดาและน้ำดื่ม บริษัท ไทยน้ำทิพย์ จำกัด ผลิตน้ำอัดลมและน้ำดื่ม บริษัท คราฟท์ฟูดส์ (ประเทศไทย) จำกัด ผลิตเครื่องดื่มชนิดผง บริษัท แก่นขวัญ จำกัด ผลิตสุรา เป็นต้น
ประชากร[แก้]
จังหวัดขอนแก่นมีประชากรทั้งสิ้น 1,790,055 คน นับเป็น 576,964 ครัวเรือน นับเป็นประชากรที่อาศัยอยู่ในเขตอำเภอเมือง 141,404 คน (ณ ปี พ.ศ. 2557)
จังหวัดขอนแก่นเคยตกอยู่ใต้อำนาจการปกครองของอาณาจักรล้านช้าง เวียงจันทน์ จำปาศักดิ์ จึงได้มีการอพยพของประชาชนชาวลาวเข้ามาอาศัย โดยส่วนใหญ่เกิดขึ้นในสมัยธนบุรีและต้นสมัยรัตนโกสินทร์ เป็นประชากรดั้งเดิมของจังหวัด นอกจากนั้นแล้ว ในเขตเมืองขอนแก่นยังมีชาวไทยเชื้อสายจีนเป็นจำนวนมาก ซึ่งถือเป็นชุมชนใหญ่และมีบทบาทสำคัญต่อการพัฒนาทางด้านเศรษฐกิจเป็นอย่างมาก รวมถึงชาวไทยเชื้อสายเวียดนาม และชาวต่างชาติ ซึ่งย้ายเข้ามาตั้งถิ่นฐานในจังหวัดขอนแก่น
สถิติประชากรตามทะเบียนราษฎร จังหวัดขอนแก่น[3] | |
---|---|
ปี (พ.ศ.) | ประชากร |
2549 | 1,749,935 |
2550 | 1,752,414 |
2551 | 1,756,101 |
2552 | 1,762,242 |
2553 | 1,767,601 |
2554 | 1,766,066 |
2555 | 1,774,816 |
2556 | 1,781,655 |
การขนส่ง[แก้]
ทางถนน ขอนแก่นอยู่ห่างจากกรุงเทพฯ 449 กิโลเมตร ตามเส้นทางหลวงหมายเลข 1 (ถนนพหลโยธิน) ถึงจังหวัดสระบุรี ตรงหลักกิโลเมตรที่ 107 แยกขวาเข้าทางหลวงหมายเลข 2 (ถนนมิตรภาพ) ผ่านจังหวัดนครราชสีมาถึงจังหวัดขอนแก่น
รถโดยสารประจำทาง ใช้เวลาเดินทางประมาณ 7 ชั่วโมง รถออกจากสถานีขนส่งสายตะวันออกเฉียงเหนือ (หมอชิต 2 ) มีรถโดยสารธรรมดา รถปรับอากาศ และรถนอนพิเศษชนิด 24 ที่นั่ง วิ่งบริการทุกวัน สอบถามรายละเอียดได้ที่ โทร.0 2936 2852-66 สถานีขนส่งขอนแก่น (รถธรรมดา) 0 4323 7472 สถานีรถปรับอากาศ 0 43 23 9910 http://www.transport.co.th/
รถโดยสารประจำทางระหว่างประเทศ บริษัทขนส่งจำกัด และรัฐวิสาหกิจรถเมล์นครหลวงเวียงจันทน์ ร่วมเปิดเส้นทางเดินรถระหว่าง ขอนแก่น-นครหลวงเวียงจันทน์ โดบจัดรถปรับอากาศมาตรฐาน 45 ที่นั่ง ให้บริการ 2 เที่ยวต่อวัน มีต้นทางและปลายทางที่สถานีขนส่งผู้โดยสารจังหวัดขอนแก่น แห่งที่ 2 และ สถานีรถเมล์ขนส่งผู้โดยสารตลาดเช้า นครหลวงเวียงจันทน์ โดยไม่มีจุดจอดระหว่างทาง
ทางรถไฟ ขบวนรถไฟออกจากสถานีกรุงเทพฯ (หัวลำโพง) ผ่านจังหวัดขอนแก่น ไปจังหวัดอุดรธานี และหนองคายทุกวัน รถที่ให้บริการมีทั้งรถเร็ว รถด่วน และรถด่วนดีเซลรางปรับอากาศ สอบถามรายละเอียดได้ที่ หน่วยบริการเดินทาง การรถไฟแห่งประเทศไทย โทร. 1690, 0 2223 7010,0 2223 7020 สถานีรถไฟขอนแก่น โทร. 0 4322 1112 http://www.railway.co.th
ทางอากาศ ปัจจุบัน สนามบินขอนแก่นมีสายการบินมาเปิดให้บริการเป็นจำนวนมาก ไปยังกรุงเทพฯ สงขลา และเชียงใหม่ได้ทุกวัน
ระยะทางจากอำเภอเมืองไปอำเภอต่างๆ
|
|
การศึกษา[แก้]
ดูเพิ่มเติมที่: รายชื่อโรงเรียนในจังหวัดขอนแก่น
สถานศึกษาระดับขั้นพื้นฐาน[แก้]
จังหวัดขอนแก่น มีสถาบันการศึกษาระดับขั้นพื้นฐานหลากหลายแห่ง ดังนี้
การแบ่งเขตพื้นที่มัธยมศึกษา
- สังกัดสำนักงานเขตพื้นที่การศึกษามัธยมศึกษา เขต 25 - ครอบคลุมโรงเรียนมัธยมศึกษาในจังหวัดขอนแก่น 84 แห่ง
- สังกัดองค์การบริหารส่วนจังหวัดขอนแก่น - ครอบคลุมโรงเรียนมัธยมศึกษาในจังหวัดขอนแก่น 17 แห่ง
การแบ่งเขตพื้นที่ประถมศึกษา
- สังกัดสำนักงานเขตพื้นที่การศึกษาประถมศึกษาขอนแก่น เขต 1-5 ได้แก่
- เขต 1 - อำเภอเมืองขอนแก่น อำเภอพระยืน และอำเภอบ้านฝาง
- เขต 2 - อำเภอเปือยน้อย อำเภอบ้านไผ่ อำเภอชนบท อำเภอโคกโพธิ์ไชย อำเภอมัญจาคีรี และอำเภอบ้านแฮด
- เขต 3 - อำเภอพล อำเภอแวงใหญ่ อำเภอแวงน้อย อำเภอหนองสองห้อง และอำเภอโนนศิลา
- เขต 4 - อำเภอซำสูง อำเภอเขาสวนกวาง อำเภอกระนวน อำเภออุบลรัตน์ และอำเภอน้ำพอง
- เขต 5 - อำเภอสีชมพู อำเภอหนองนาคำ อำเภอชุมแพ อำเภอหนองเรือ อำเภอภูผาม่าน อำเภอภูเวียง และอำเภอเวียงเก่า
- สังกัดองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นต่างๆ -ครอบคลุมโรงเรียนประถมศึกษาและขยายโอกาศทางการศึกษาในจังหวัด 43 แห่ง
สถานศึกษาระดับอาชีวศึกษา[แก้]
สถานศึกษาในระดับอาชีวศึกษาทั้งรัฐและเอกชน ปัจจุบันอยู่ในกำกับดูแลของสำนักงานคณะกรรรมการการอาชีวศึกษาทั้งหมด สถานศึกษาระดับอาชีวศึกษาในจังหวัดขอนแก่น มีดังนี้
|
|
- รายชื่อสถานศึกษาระดับอุดมศึกษา
สถานศึกษาอื่น ๆ[แก้]
- ศูนย์ฝึกอบรมตำรวจภูธรภาค ๔
- สถาบันพัฒนาฝีมือแรงงานภาค ๖ ขอนแก่น
- วิทยาลัยป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย วิทยาเขตขอนแก่น
สถานที่ท่องเที่ยวในขอนแก่น[แก้]
แหล่งท่องเที่ยวในขอนแก่นแยกเป็นประเภทต่าง ๆ ดังนี้
แหล่งประวัติศาสตร์และโบราณคดี[แก้]
- ศาลหลักเมืองขอนแก่น : เป็นสถานที่เคารพบูชาของชาวขอนแก่น ประดิษฐานอยู่ที่ศาลาสุขใจ ถนนเทพารักษ์ หน้าสำนักงานเทศบาลนครขอนแก่น ท่านเจ้าคุณปู่พระราชสารธรรมมุนีและหลวงธุรนัยพินิจ อดีตผู้ว่าราชการจังหวัดขอนแก่น ได้นำหลักศิลาจารึกมาจากโบราณสถานในท้องที่อำเภอชุมแพมาประกอบพิธีตามแนวทางพระพุทธศาสนาทำเป็นหลักเมืองเมื่อวันที่ 20 สิงหาคม พ.ศ. 2499 ต่อมาเมื่อ ปี 2549 เทศบาลนครขอนแก่น ได้ทำการบูรณะศาลหลักเมืองขอนแก่น ตามโครงการบูรณะพัฒนาปฏิสังขรณ์ศาลหลักเมืองและในวโรกาสมหามงคลสมัยเพื่อน้อมถวายพระพรชัยมงคลแด่พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวภูมิพลอดุลยเดชมหาราชทรงเจริญพระชนมายุ 80 พรรษา โดยผลการคัดเลือกผู้รับเหมาก่อสร้างวิธีพิเศษ ได้ตกลงว่าจ้าง หจก.แก่นชาญกิจวิศวกรรม มาดำเนินการก่อสร้าง แล้วเสร็จและมีการฉลองสมโภชศาลหลักเมืองขอนแก่น เพื่อเฉลิมพระเกียรติพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวฯ 80 พรรษา เมื่อวันที่ 3 ธันวาคม 2550 สิ้นค่าก่อสร้างกว่า 54 ล้านบาท ศาลหลักเมืองขอนแก่นที่ปรับปรุงใหม่นั้น อยู่ ณ บริเวณจุดเดิม ลักษณะตัวอาคารมีศิลปะและสถาปัตยกรรมไทยประยุกต์ ทรวดทรงและส่วนประกอบงานศิลป์เป็นการอนุรักษ์งานสถาปัตยกรรมที่สำคัญของ ท้องถิ่นอีสาน ขนาดและรูปทรงเป็นเป็นอาคารโถงจัตุรมุข กว้างขวางโอ่โถงกว่าของเดิมมาก โดยมีขนาดตัวอาคาร 13 x 13 เมตร โครงสร้างเป็นคอนกรีตเสริมเหล็กมีพื้นที่ภายในเป็นห้องโถงรวม 73 ตารางเมตร ย่อมุมตัวอาคารโดยรอบมีระเบียงยื่นทั้ง 4 ด้าน ความสูงจากพื้นลานรอบอาคารถึงถึงยอดฉัตรทองคำรวม 27.50 เมตร หลังคาเป็นทรงจั่วจัตุรมุขหลังคาซ้อน 3 ชั้น และชั้นเครื่องยอดเป็นรูปเจดีย์ศิลปะพื้นเมืองอีสาน สัณฐานเป็นเจดีย์จำลองจากองค์พระธาตุขามแก่น
- พระมหาธาตุแก่นนคร: ตั้งอยู่ภายในวัดหนองแวงพระอารามหลวง ถนนกลางเมือง เป็นศิลปะสมัยทวารวดีผสมผสานศิลปะอินโดจีน รูปทรงแบบชาวอีสานตากแห มี 9 ชั้น เป็นที่ประดิษฐานพระบรมสารีริกธาตุ มีการตกแต่งด้วยลวดลายแกะสลัก และภาพเขียนอย่างงดงาม เป็นสถานที่เคารพบูชาของชาวขอนแก่น และเป็นสถานที่ชมทัศนียภาพเมืองขอนแก่น
- อนุสาวรีย์พระนครศรีบริรักษ์: ตั้งอยู่ที่สวน เจ.ซี. ถนนรอบบึง พระนครศรีบริรักษ์หรือท้าวเพี้ยเมืองแพนเป็นขุนนางเชื้อพระวงศ์กษัตริย์เวียงจันทน์ มีธิดาชื่อนางคำแว่นเป็นสนมเอกในพระบาทสมเด็จพระพุทธยอดฟ้าจุฬาโลกมหาราช ในปี พ.ศ. 2332 ท้าวเพี้ยเมืองแพนได้พาสมัครพรรคพวกประมาณ 330 คน อพยพมาอยู่ที่บ้านบึงบอน ขึ้นตรงต่อพระยานครราชสีมา ต่อมาในปี พ.ศ. 2340 พระบาทสมเด็จพระพุทธยอดฟ้าจุฬาโลกมหาราชโปรดเกล้าฯ ยกบ้านบึงบอนขึ้นเป็น "เมืองขอนแก่น" และยกฐานันดรศักดิ์ท้าวเพี้ยเมืองแพนขึ้นเป็น "พระนครศรีบริรักษ์" พ่อเมืองคนแรกของจังหวัดขอนแก่น ในปี พ.ศ. 2525 ประชาชนชาวขอนแก่น ได้ร่วมใจกันสร้างอนุสาวรีย์พระนครศรีบริรักษ์ขึ้นเพื่อเป็นอนุสรณ์และเคารพสักการะของชาวเมือง
- น้ำส่างสนามบิน: ตั้งอยู่บริเวณถนนหน้าศูนย์ราชการ ตรงข้ามโรงเรียนสนามบินด้านทิศเหนือ เป็นบ่อน้ำประวัติศาสตร์ที่มีมาก่อนที่เมืองขอนแก่นจะมีน้ำประปาบริโภค เป็นจุดรวมใจของชาวขอนแก่น เป็นแหล่งน้ำที่หล่อเลี้ยงชีวิตของชาวขอนแก่นในอดีต และให้คุณประโยชน์ที่ยิ่งใหญ่แก่ประชาชนชาวขอนแก่นมาเป็นเวลายาวนาน
- ศาลหลักเมือง (เมืองเก่า) : เป็นศาลหลักเมืองหรือบือบ้านที่ท้าวเพี้ยเมืองแพนได้ตั้งไว้ ณ บริเวณใจกลางหมู่บ้าน เป็นเสาหลักเมืองขอนแก่นหลักแรกก่อนจะมีการย้ายเมืองอีก 5 ครั้ง ปัจจุบันตั้งอยู่บริเวณซอยกลางเมือง 21 ด้านข้างศูนย์กัลยาณมิตร
- พระธาตุขามแก่น: พระธาตุขามแก่นตั้งอยู่ที่วัดเจติยภูมิ บ้านขาม หมู่ที่ 1 ตำบลบ้านขาม อำเภอน้ำพอง เป็นปูชนียสถานของจังหวัดขอนแก่น บ้านขามเคยเป็นเมืองมาตั้งแต่สมัยโบราณ เป็นเวลาประมาณ 2000 ปี ตั้งแต่ พ.ศ. 500
- บึงละเลิงหวาย อำเภอพล : เป็นบึงขนาดเล็กซึ่งเป็นที่ตั้งของศาลเจ้าละเลิงหวาย และเป็นที่กราบสักการะของคนไทยเชื้อสายจีน และเป็นสถานที่พักผ่อนหย่อนใจที่ได้รับความนิยมเป็นอย่างสูง
- ปราสาทเปือยน้อย ตั้งอยู่ที่ อ.เปือยน้อย เป็นปราสาทศิลปะขอมโบราณผสมระหว่างศิลปะเขมรแบบบาปวนและแบบนครวัด สร้างขึ้นในราวพุทธศตวรรษที่ 16-17 เพื่อใช้เป็นเทวสถานในศาสนาฮินดู เป็นปราสาทที่มีความสมบูรณ์ที่สุดในเขตภาคอีสานตอนบน
- นาหลังหมู่บ้านทุ่งน้อย ( นาเช้าสุข ) : เป็นทุ่งนาบริเวณกว้าง อยู่ทางทิศใต้ของหมู่บ้านทุ่งน้อย ตำบลลอมคอม อำเภอพล จังหวัดขอนแก่น ซึ่งมีความอุดมสมบูรณ์ และมีทิวทัศน์ที่สวยงาม
แหล่งเรียนรู้[แก้]
- พิพิธภัณฑสถานแห่งชาติที่ 7 ขอนแก่น: ตั้งอยู่ที่ถนนกสิกรทุ่งสร้าง เป็นสถานที่ที่เก็บรักษาและจัดแสดงโบราณวัตถุและศิลปวัตถุที่เป็นของแถบอีสานตอนเหนือ โดยรอบอาคารพิพิธภัณฑ์จัดตั้งใบเสมาหินที่ได้จาก "เมืองฟ้าแดดสงยาง" ไว้เป็นจำนวนมาก
- หอศิลปวัฒนธรรมและอาคารศูนย์กาญจนาภิเษก มหาวิทยาลัยขอนแก่น: เป็นแหล่งแสดงศิลปะพื้นบ้านและเป็นสถานที่จัดแสดงนิทรรศการต่างๆ ตั้งอยู่ที่ถนนมะลิวัลย์ มหาวิทยาลัยขอนแก่น
- โฮงมูนมังเมืองขอนแก่น: โฮงมูนมังเมืองขอนแก่น ตั้งอยู่ ณ บริเวณชั้นล่างอาคารสวนสาธารณะ 200 ปี บึงแก่นนคร เทศบาลนครขอนแก่น ภายในโฮงมูนมันเมืองขอนแก่น ได้จัดแบ่งพื้นที่ออกเป็นพื้นที่ในส่วนของนิทรรศการ และห้องจำหน่ายของที่ระลึก สำหรับการจัดนิทรรศการได้แบ่งออกเป็น 5 โซน โดยแบ่งตามเนื้อหาสาระในระบบการปกครอง วิถีชีวิต ภูมิปัญญา และเอกลักษณ์ทางวัฒนธรรมอันน่าภาคภูมิใจของชาวขอนแก่น นับตั้งแต่ยุคก่อนประวัติศาสตร์ ยุคสร้างบ้านแปงเมือง จวบจนเป็นเมืองขอนแก่นในปัจจุบัน
- ศูนย์การเรียนรู้วิทยาศาสตร์ประจำท้องถิ่น จังหวัดขอนแก่น: ตั้งอยู่ที่ศูนย์บริการสาธารณสุขที่ 4 บ้านสามเหลี่ยม ถนนศรีมารัตน์ เป็นแหล่งศึกษาความรู้สำหรับเด็ก เยาวชน และประชาชนทั่วไป ที่พร้อมไปด้วยข้อมูลพื้นฐาน ความรู้ หลักการทฤษฎีทางด้านวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี ตลอดจนเป็นแหล่งรวบรวมอุปกรณ์เครื่องมือทางวิทยาศาสตร์ และการแสดงถึงวิวัฒนาการในการนำความรู้ทางวิทยาศาสตร์มาประยุกต์ใช้ในชีวิตประจำวัน
- พิพิธภัณฑ์ไดโนเสาร์ภูเวียง: ตั้งอยู่ในเขตตำบลในเมือง อำเภอเวียงเก่า เป็นพิพิธภัณฑ์ธรณีวิทยา จัดแสดงเรื่องราวเกี่ยวกับการกำเนิดและวิวัฒนาการของโลก ประกอบด้วยการเปลี่ยนแปลงทางธรณีวิทยาและกำเนิดและวิวัฒนาการของสิ่งมีชีวิต โดยเฉพาะอย่างยิ่งไดโนเสาร์ที่ขุดค้นพบในหุบเขาภูเวียง ถือเป็นแหล่งเรียนรู้ที่เหมาะกับสถานศึกษาและนักท่องเที่ยวทั่วไป เปิดให้บริการระหว่างเวลา 09.00 - 17.00 น. หยุดทุกวันจันทร์ยกเว้นวันจันทร์ที่เป็นวันหยุดนักขัตฤกษ์ โทรศัพท์ 043 438-204
- บึงทุ่งพึงพืด: ศูนย์รวมพรรณไม้ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ จังหวัดขอนแก่น อำเภอพล จังหวัดขอนแก่น เป็นสาขา สวนพฤกษศาสตร์สมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ จังหวัดเชียงใหม่ ทำหน้าที่รวบรวม พรรณไม้ประจำถิ่นและข้อมูลพืชของภาคตะวันออกเฉียงเหนือ เป็นศูนย์ทดลอง สาธิตและวิจัยพืชเศรษฐกิจและพืชทนเค็มตลอดจนที่ข้องเกี่ยวโดยร่วมมือกับนักวิจัยจากสถาบันในภูมิภาค ตลอดจนการพัฒนาพื้นที่และภูมิทัศน์ ให้เป็นสถานที่ศึกษาฝึกอบรมของนักเรียน นักศึกษาจากสถาบันการศึกษาในภูมิภาคและเป็นสถานที่พักผ่อนหย่อนใจในธรรมชาติตลอดจนแหล่งสันทนาการและท่องเที่ยวเชิงนิเวศน์แก่ผู้เข้าเยี่ยมชม
- ศูนย์วิทยาศาสตร์เพื่อการศึกษาจังหวัดขอนแก่น: ตั้งอยู่ติดถนนมิตรภาพ ทางไปจังหวัดนครราชสีมา ประมาณกิโลเมตรที่ 44-45 ในเขตอำเภอบ้านไผ่ จังหวัดขอนแก่น
สวนสาธารณะ[แก้]
- บึงแก่นนคร : เป็นสถานที่พักผ่อนหย่อนใจและสถานที่ท่องเที่ยวใจกลางเมือง เป็นบึงธรรมชาติคู่เมืองขอนแก่น ที่มีความกว้างถึง 600 ไร่ในฤดูฝนจะมีระดับน้ำปริ่มฝั่ง มีสถานที่ออกกำลังกาย โซนตกปลา ลานกีฬา แหล่งอนุรักษ์พันธุ์ปลา ตั้งอยู่ติดกับถนนรอบบึง
- บึงทุ่งสร้าง : ตั้งอยู่ที่ ถ.จอมพล ต.ในเมือง อ.เมือง จ.ขอนแก่น (ทางไปบ้านดอนหญ้านาง) เป็นบึงน้ำและสวนสาธารณะขนาดใหญ่ที่สุดในประเทศไทย มีเขตเทศบาลนครขอนแก่นคอยดูแล เพื่อให้เป็นสถานที่พักผ่อนหย่อนใจและใช้เป็นสถานที่ออกกำลังกายให้กับชาวเมือง มีการให้บริการต่างๆ เช่น สนามบาสเกตบอล ลานอเนกประสงค์ สระน้ำ และยังมีสวนนกขนาดใหญ่อยู่ภายในสวนสาธารณะด้วย บรรยากาศร่มรื่นไปด้วยต้นไม้ที่มีทั้งไม้ดอกไม้ประดับปลูกไว้อย่างสวยงาม ปัจจุบันบึงทุ่งสร้าง ทางองค์การสวนสัตว์แห่งประเทศไทยกำลังปรับปรุงสถานที่ให้เป็นสวนสัตว์ ไนท์ซาฟารี หรือ ซิตตี้ซู
- บึงหนองโคตร
- สวนประตูเมือง ขอนแก่น (สวนเรืองแสง)
งานประเพณีและงานเทศกาลท้องถิ่นที่สำคัญ[แก้]
- งานประเพณีทำบุญตักบาตรในวันขึ้นปีใหม่ โดยจะจัดขึ้นในวันที่ 1 มกราคม ของทุกปี
- งานประเพณีสุดยอดสงกรานต์อีสานเทศกาลดอกคูน–เสียงแคน และถนนข้าวเหนียว โดยจะจัดขึ้นในระหว่างวันที่ 5–15 เมษายน ของทุกปี
- งานประเพณีวันเข้าพรรษา โดยจะจัดขึ้นระหว่างวันเข้าพรรษาของทุกปี
- งานประเพณีออกพรรษา ไต้ประทีปบูชา พุทธกตัญญู โดยจะจัดขึ้นระหว่างวันออกพรรษาของทุกปี
- งานเทศกาลไหมสากล ประเพณีผูกเสี่ยวและงานกาชาด จัดขึ้นในระหว่างวันที่ 29 พฤศจิกายน–10 ธันวาคม ของทุกปี
- งานส่งท้ายปีเก่าต้อนรับปีใหม่ Khon Kaen Countdown จัดขึ้นในช่วงปลายเดือนธันวาคมของทุกปี
สถานกงสุลประจำจังหวัดขอนแก่น[แก้]
- ลาว (กงสุลใหญ่) ที่อยู่ 512 หมู่ 2 ถนนมิตรภาพ ตำบลในเมือง อำเภอเมืองขอนแก่น จังหวัด ขอนแก่น 40000
- เวียดนาม (กงสุลใหญ่) ที่อยู่ 65/6 ถนนชาตะผดุง ตำบลในเมือง อำเภอเมืองขอนแก่น จังหวัด ขอนแก่น 40000
- จีน (กงสุลใหญ่) ที่อยู่ 142/44 หมู่ 2 ถนนรอบบึง ต.ในเมือง อำเภอเมืองขอนแก่น จังหวัด ขอนแก่น 40000
- เปรู (กงสุลกิตติมศักดิ์)
- ฝรั่งเศส (กงสุลกิตติมศักดิ์)
- ญี่ปุ่น (อยู่ระหว่างดำเนินการ)
- สหรัฐ (อยู่ระหว่างดำเนินการ)
เมืองพี่น้อง[แก้]
จังหวัดขอนแก่นมีความสัมพันธ์ในฐานะเมืองพี่น้องกับเมืองดังต่อไปนี้
บุคคลที่มีชื่อเสียง[แก้]
- พระสงฆ์
- สมเด็จพระพุฒาจารย์ (อาจ อาสโภ) สมเด็จพระราชาคณะ อดีตผู้ปฏิบัติหน้าที่สมเด็จพระสังฆราช อดีตเจ้าคณะใหญ่หนตะวันออก อดีตกรรมการมหาเถรสมาคม อดีตสังฆมนตรีว่าการองค์การปกครอง อดีตเจ้าคณะจังหวัดพระนครศรีอยุธยา อดีตอธิบดีสงฆ์วัดมหาธาตุยุวราชรังสฤษฎิ์ [4]
- พระธรรมธีรราชมหามุนี (โชดก ญาณสิทฺธิ ป.ธ.๙) พระราชาคณะชั้นธรรม อดีตรองเจ้าอาวาสวัดมหาธาตุยุวราชรังสฤษฎิ์ อดีตเจ้าคณะภาค ๙ อาจารย์ใหญ่ฝ่ายวิปัสสนาธุระ ผู้ปฏิบัติวิปัสสนากรรมฐานตามแนวสติปัฏฐานสี่ (หรือแบบยุบหนอ-พองหนอ)
- พระสิริสารสุธี (หลวงปู่พระมหาพุทธา วุฑฒิสาโร ปธ.๔) อดีตรองเจ้าคณะจังหวัดขอนแก่น (ธ)
ที่ปรึกษาเจ้าคณะจังหวัดขอนแก่น วัดศรีจันทร์ (พระอารามหลวง)
- พระธรรมวิสุทธาจารย์ (เหล่ว สุมโน ป.ธ.๕) พระราชาคณะชั้นธรรม อดีตเจ้าอาวาสวัดธาตุ พระอารามหลวง อดีตที่ปรึกษาเจ้าคณะภาค ๙ นอกจากนี้ท่านยังเป็นบุคคลแรกที่นำการศึกษาด้านภาษาบาลี เข้ามาสู่จังหวัดขอนแก่น เป็นผู้จัดตั้งสำนักเรียนบาลีที่มีชื่อเสียงระดับประเทศ คือ สำนักเรียนวิเวกธรรมประสิทธิ์วิทยา
- พระธรรมดิลก (สมาน สุเมโธ ป.ธ.๙, ปร.ด., ศน.ด.) เจ้าคณะภาค ๙ (ธรรมยุต) เจ้าอาวาสวัดป่าแสงอรุณ ตำบลพระลับ อำเภอเมืองขอนแก่น จังหวัดขอนแก่น
- พระเทพมงคลเมธี (คำพันธ์ โกวิโท ป.ธ.๗) อดีตรองเจ้าอาวาสวัดธาตุ พระอารามหลวง อดีตเจ้าคณะจังหวัดขอนแก่น
- พระเทพกิตติรังษี (ทองสา วรลาโภ ป.ธ.๘) เจ้าอาวาสวัดธาตุ พระอารามหลวง ที่ปรึกษาเจ้าคณะจังหวัดขอนแก่น
- พระเทพพุทธิมุนี (สันต์ ชุตินฺธโร ป.ธ.๗) เจ้าอาวาสวัดศรีจันทร์ พระอารามหลวง เจ้าคณะจังหวัดขอนแก่น (ธ)
- พระราชปริยัติโสภณ (ถนนอม ชินวํโส ป.ธ.๖) เจ้าอาวาสวัดหนองกุง เจ้าคณะจังหวัดขอนแก่น
- หลวงพ่อผาง จิตฺตคุตฺโต พระมหาเถระวิปัสสนาจารย์ ลูกศิษย์สายหลวงปู่มั่น ภูริทัตโต
- หลวงปู่มหาโส กสฺสโป พระมหาเถระ เกจิอาจารย์
- พระโสภณวิสุทธิคุณ (หลวงปู่บุญเพ็ง กปฺปโก) พระมหาเถระวิปัสสนาจารย์ ลูกศิษย์สายหลวงปู่มั่น ภูริทัตโต
- พระมงคลวุฒิสาร (หลวงปู่จวง ขนฺติโก ป.ธ.๓) อดีตเจ้าอาวาสวัดวุฒาราม อดีตเจ้าคณะอำเภอเมืองขอนแก่น อดีตที่ปรึกษาเจ้าคณะอำเภอเมืองขอนแก่น
- พระโสภณธรรมสาร (หลวงปู่มงคล ธมฺมจารี) – รองเจ้าคณะจังหวัดขอนแก่น (ธ) วัดศรีประทุมวนาราม ลูกศิษย์ หลวงปู่จันทร์ เขมปตฺโต
- พระมงคลกิตติวงศ์ (หลวงปู่ทองพูน อุตตโม) – เจ้าคณะอำเภอพล แวงใหญ่ แวงน้อย หนองสองห้อง วัดสระจันทราวาส
- พระครูศีลาจารนิวิฏฐ์ (หลวงปู่ทองมา สุตธัมโม) – วัดทรงศิลา (วัดถ้ำกวาง)
- พระครูธรรมสารพินิจ – เจ้าคณะอำเภอเมืองขอนแก่น พระยืน (ธ) วัดโนนชัยวนาราม
- พระครูประสาทสาสนกิจ – ที่ปรึกษาเจ้าคณะอำเภอภูเวียง เวียงเก่า (ธ) วัดอาคเนย์
- พระครูญาณวรวิสุทธิ์ – เจ้าคณะอำเภอภูเวียง - เวียงเก่า (ธ) วัดสันติการาม
- พระครูอนันตสารคุณ (หลวงปู่จุฬา สุธัมโม) – เจ้าคณะอำเภอหนองเรือ-บ้านฝาง (ธ) วัดป่าอนันตคุณ
- พระครูกันตธรรมานุรักษ์ – เจ้าคณะอำเภอชนบท (ธ) วัดศรีสุมังคล์
- พระครูจิตตโสภณ (หลวงปู่สม สุจิตโต) – เจ้าคณะอำเภอุบลรัตน์ น้ำพอง กระนวน เขาสวนกวาง (ธ) วัดพระบาทภูพานคำ
- พระครูสุวัฒนปัญญาคุณ – เจ้าคณะอำเภอบ้านไผ่ บ้านแฮด โนนศิลา (ธ) วัดคุ้มจัดสรรค์
- พระครูกิตติมงคลคุณ – เจ้าคณะอำเภอสีชมพู (ธ) วัดศรีแก้ว
- พระครูกิตติสารโสภณ – เจ้าคณะอำเภอชุมแพ ภูผาม่าน (ธ) วัดป่าศรีบุรี
- ข้าราชการการเมือง
- สมศักดิ์ เกียรติสุรนนท์ ประธานรัฐสภา
- จารุบุตร เรืองสุวรรณ ประธานรัฐสภา
- อำนวย วีรวรรณ รองนายกรัฐมนตรี
- สุวิทย์ คุณกิตติ รองนายกรัฐมนตรี
- พงส์ สารสิน รองนายกรัฐมนตรี
- กระแส ชนะวงศ์ รัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี
- สุรัตน์ โอสถานุเคราะห์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์
- ระเบียบรัตน์ พงษ์พานิช สมาชิกวุฒิสภา
- อดิศร เพียงเกษ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์
- ภูมิ สาระผล รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงพาณิชย์
- ชวลิต โอสถานุเคราะห์ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงการคลัง
- แคล้ว นรปติ สมาชิกสภาร่างรัฐธรรมนูญ (ส.ส.ร.) ปี 2539
- เปรมศักดิ์ เพียยุระ ปรึกษารัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย
- ประจักษ์ แกล้วกล้าหาญ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงคมนาคม
- อำนาจ ชนะวงศ์ รองโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี
- พงศกร อรรณนพพร รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงศึกษาธิการ
- สฤต สันติเมทนีดล รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงศึกษาธิการ
- ข้าราชการตำรวจ
- พล.ต.อ.วิเชียร พจน์โพธิ์ศรี ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ
- ร.ต.อ.ธรณิศ ศรีสุข (ผู้กองแคน)
- ข้าราชการพลเรือน
- ศ.ดร.แสง จันทร์งาม
- ศ.นพ.วันชัย วัฒนศัพท์ (ผู้ทรงคุณวุฒิจากสถาบันพระปกเกล้า และ อาจารย์ประจำวิทยาลัยการปกครองท้องถิ่น มหาวิทยาลัยขอนแก่น)
- กิตติชัย ไตรรัตนศิริชัย อธิการบดีมหาวิทยาลัยขอนแก่น
- นายโชติ ตราชู ปลัดกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม
- รศ.ดร.สุมนต์ สกลไชย อดีตอธิการบดี มข. ข้าราชการครุฑทองคำ
- วงการกีฬา
- เรือเอกสมรักษ์ คำสิงห์ ร.น. (นักกีฬาทีมชาติไทยคนแรกที่ได้รับรางวัลเหรียญทอง ในกีฬาโอลิมปิก 1996 ที่แอตแลนตา รัฐจอร์เจีย สหรัฐอเมริกา)
- นาวาอากาศโท วิชัย ราชานนท์ (นักชกเหรียญทองแดง ในกีฬาโอลิมปิก 1996 ที่แอตแลนตา รัฐจอร์เจีย สหรัฐอเมริกา)
- พิมศิริ ศิริแก้ว (นักยกน้ำหนักหญิง เหรียญเงิน ในกีฬาโอลิมปิกฤดูร้อน 2012 กรุงลอนดอน]
- ดนัย ศรีวัชรเมธากุล
- ชาติ เกียรติเพชร
- พงษ์สิทธิ์ เวียงวิเศษ
- ฟ้าประกอบ รักเกียรติยิม
- ภราดร ศรีชาพันธุ์
- วันวิน จ.เจริญ
- ศรายุทธ ชัยคำดี
- อาทิตย์ สุนทรพิธ
- พรชัย เค้าแก้ว
- ฐาปไพพรรณ ไชยศรี วอลเลย์บอล
- เอ็มอร พานุสิทธิ์ วอลเลย์บอล
- ศิรินภา พรหนองแสน ตะกร้อหญิง
- สิบเอกภัทรพงศ์ ยุพดีตะกร้อชาย
- ผุดผาดน้อย วรวุฒิ ผ่อน ออมกลิ่น
- ธนา ชะนะบุตร
- มงคล ทศไกร
- วงการบันเทิง
- สุรศักดิ์ วงศ์ไทย (เอ็ม)
- ปอง ปรีดา
- พรศักดิ์ ส่องแสง
- พัชฏะ นามปาน (โฬม)
- ศุกลวัฒน์ คณารศ (เวียร์)
- ศุภรุจ เตชะตานนท์ (รุจ เดอะสตาร์ 4)
- ธนฉัตร ตุลยฉัตร (อาร์ตี้)
- สิงหรัตน์ จันทร์ภักดี (สิงโต เดอะสตาร์ 5)
- ภาวิณี วิริยะชัยกิจ (มิลค์ นักแสดง)
- ณเดชน์ คูกิมิยะ (แบร์รี่)
- พีชญา วัฒนามนตรี (มิน)
- ภัทรเดช สงวนความดี (ไมค์)
- ภาคิน คำวิลัยศักดิ์ (โตโน่ เดอะสตาร์ 6)
- พันนา ฤทธิไกร (ผู้กำกับคิวบู๊ ดารา สตั้นท์แมน)
- พีรพัฒน์ สวัสดิ์มูล (พี สะเดิด)
- เรืองเพชร เจียงอำภา (นักร้องลูกทุ่ง)
- ดวงฤดี บุญบำรุง (ลูลู่)
- พิมพ์พัชรา ทองแดง (แมงปอ ชลธิชา อาร์สยาม)
- กศิญา ค่อมสิงห์ (อุ้ม กศิญา อาร์สยาม)
- ภัทรศยา เครือสุวรรณศิริ (พีค)
- หรินทร์ สุธรรมจรัส (ดิม Tattoo Colour)
- สิทธิชัย ผาบชมภู (บอย AF3)
- วัชรินทร์ พลอยงาม (ไทด์ AF8)
- วัชรกาญจน์ บัวบาน (เฟรม AF8)
- จีรวรรณ สอนสะอาด (แพรว AF8)
- นิศาชล สิ่วไธสง (เนสท์ AF9)
- ณภัทร แสงโฮง (ตอง AF10)
- ปภทพร ศิริรักษ์นภา (มุก AF11)
- เฉลิม วงศ์พิมพ์ ผู้กำกับภาพยนตร์ 7 ประจัญบาน
- กวี ศิริคะเณรัตน์ สตั้นท์แมนผู้ก่อตั้ง 'เซ้งสตันท์ทีม'มีผลงานทำคิวบู้ให้กับภาพยนตร์ฮอลลีวู๊ดและต่างประเทศหลายเรื่อง
- กฤษณพงศ์ ราชธา ผู้กำกับภาพยนตร์ 5 หัวใจฮีโร่ และ ชิปหาย
- รักชาติ ศิริชัย นักร้องเพลงลูกทุ่ง เจ้าของเพลง "ฉันทนาที่รัก" "รักข้ามคลอง"
- อรนุช ลาดพันนา นักพากย์ภาพยนตร์, จากทีมพากย์ "พันธมิตร"
- กอบกุลยา จึงประเสริฐศรี รองนางสาวไทย อันดับ 1 ปี 2552
- ภัทราวรรณ พานิชชา Miss wheelchair thailand 2012
- อาชิรญาณ์ ภีระพัภร์กุญช์ชญา (จ๋า) มนุษย์เหล็กไหล, คนไฟลุก,มหาลัยสยองขวัญ, ปายอินเลิฟ, ฮักนะ สารคาม
- ปาริชาติ บุตรดีหงส์ (จูน) พิธีกร สตรอเบอร์รี่ชีสเค้ก รุ่นที่ 4
- พรพิพัฒน์ พัฒนเศรษฐนนท์ (พลัสเตอร์) พิธีกร สตรอเบอร์รี่ชีสเค้ก รุ่นที่ 6
- บรรลุ ศรีแสง (ผู้กำกับคิวบู๊ ดารา สตั้นท์แมน)
- ธิติ มหาโยธารักษ์ (แบงค์ ฮอร์โมน)
- ณิชาภัทร ฉัตรชัยพลรัตน์ (แพรวา ฮอร์โมน)
- ญดา สุวรรณปัฏนะ (คุกกี้) นักแสดงสังกัดสถานีโทรทัศน์สีกองทัพบกช่อง 7
- แก้ว พรวิภา นักร้องลูกทุ่ง
- วงการสื่อสารมวลชน
- กิตติ สิงหาปัด (ลี่) ผู้ประกาศข่าว, พิธีกร
- ไชยวัฒน์ อนุตระกูลชัย ผู้ประกาศข่าว, พิธีกร
- กรรณิกาศ์ ปทุมมชาติ (พิธีกร รายการไปดูผู้แทนฯ)
- ธีระพงษ์ โสดาศรี อธิบดีกรมประชาสัมพันธ์
- นักเขียน กวี
- อังคาร จันทาทิพย์ กวีจากอำเภอมัญจาคีรี เจ้าของรางวัลสร้างสรรค์ยอดเยี่ยมแห่งอาเซียน (The S.E.A.Write Awards) ประจำปี 2556 หรือรางวัลนักเขียนซีไรต์ คนที่ 35 (2556) ของประเทศไทย และเป็นคนแรกของจังหวัดขอนแก่น จากผลงานรวมบทกวี ‘หัวใจห้องที่ห้า’
- คณะหมอลำแสดงศิลปะวัฒนธรรมอิสานจังหวัดขอนแก่น ลำเรื่องต่อกลอน
- คณะประถมบันเทิงศิลป์
- คณะระเบียบวาทะศิลป์
- คณะรัตนศิลป์อินตาไทยราษฏร์
- คณะหนูภารวิเศษศิลป์
- คณะสมจิต บ่อทอง
- คณะน้อมเกล้า ลูกอิสาน นำโดยน้องใหม่เมือง ชุมแพ
- น้องใหม่เมือง ชุมแพ นำโดย สมาน สีดา
อ้างอิง[แก้]
- ↑ ศูนย์สารสนเทศเพื่อการบริหารและงานปกครอง. กรมการปกครอง. กระทรวงมหาดไทย. "ข้อมูลการปกครอง." [ออนไลน์]. เข้าถึงได้จาก: http://www.dopa.go.th/padmic/jungwad76/jungwad76.htm [ม.ป.ป.]. สืบค้น 18 เมษายน 2553.
- ↑ ประกาศสำนักทะเบียนกลาง กรมการปกครอง เรื่อง จานวนราษฎรทั่วราชอาณาจักร แยกรายอายุ ณ วันที่ 31 ธันวาคม 2560
- ↑ สำนักบริหารการทะเบียน. กรมการปกครอง. กระทรวงมหาดไทย. "จำนวนประชากรและบ้าน." [ออนไลน์]. เข้าถึงได้จาก: http://stat.dopa.go.th/xstat/popyear.html 2555. สืบค้น 3 เมษายน 2556.
- ↑ ท่านเป็นบุคคลแรกที่นำการปฏิบัติวิปัสสนากรรมฐานตามแนวสติปัฏฐานสี่ (หรือแบบยุบหนอ-พองหนอ) จากพม่ามาเผยแพร่ในประเทศไทย
- สำนักการศึกษา เทศบาลนครขอนแก่น (ข้อมูลสำรวจเมื่อเดือนตุลาคม 2549)
ดูเพิ่ม[แก้]
- รายชื่อวัดในจังหวัดขอนแก่น
- รายชื่อโรงเรียนในจังหวัดขอนแก่น
- รายชื่อสาขาของธนาคารในจังหวัดขอนแก่น
- รายชื่อห้างสรรพสินค้าในจังหวัดขอนแก่น
แหล่งข้อมูลอื่น[แก้]
- เว็บไซต์อย่างเป็นทางการของจังหวัด
- ประวัติจังหวัดขอนแก่น
- เว็บไซต์ชุมชนคนขอนแก่น
- เว็บไซต์ข้อมูลข่าวสารคนขอนแก่น
- โรงแรมในขอนแก่น
- เว็บไซต์ลงประกาศซื้อขายสินค้าในจังหวัดขอนแก่นและจังหวัดอื่นๆทั่วประเทศไทย
- ชุมชนออนไลน์ขนาดใหญ่ที่สุดของ"ชาวขอนแก่น"
- ศูนย์เมล็ดพันธุ์ข้าวขอนแก่น"
- ประเพณีสงกรานต์ขอนแก่น
- จังหวัดขอนแก่น - อีสานร้อยแปด
- แผนที่และภาพถ่ายทางอากาศของ จังหวัดขอนแก่น
- แผนที่ จาก มัลติแมป โกลบอลไกด์ หรือ กูเกิลแผนที่
- ภาพถ่ายทางอากาศ จาก เทอร์ราเซิร์ฟเวอร์
- ภาพถ่ายดาวเทียม จาก วิกิแมเปีย
จังหวัดเลย | จังหวัดหนองบัวลำภู | จังหวัดอุดรธานี จังหวัดกาฬสินธุ์ | ||
จังหวัดเพชรบูรณ์ | จังหวัดมหาสารคาม | |||
| ||||
จังหวัดชัยภูมิ | จังหวัดนครราชสีมา | จังหวัดบุรีรัมย์ |
|
|
|
|
|
|
|
|
ความคิดเห็น
แสดงความคิดเห็น